แนะนำให้อ่าน

วันจันทร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2554

พืชสมุนไพร

มะรุม (Horse Radish Tree, Drumstick Tree)มะรุม (Horse Radish Tree, Drumstick Tree) มะรุม ชื่อสามัญ Horse Radish Tree, Drumstick Tree วงศ์ Moringaceae ชื่อวิทยาศาสตร์ Moringa oleifera Lam. มะรุมในชื่ออื่นๆ : บ่าค้อนก้อม มะค้อนก้อม (ภาคเหนือ), มะรุม (ภาคกลาง), ผักอีฮุม (ภาคอีสาน), ผักอีฮืม ลักษณะทั่วไป มะรุม มะรุม เป็นไม้ยืนต้น ขนาดกลาง ลำต้นมีความสูงประมาณ 15-20 เมตร ลำต้นเป็นพุ่มโปร่ง เปลือกลำต้นเป็นสีเทาอ่อน ผิวค่อนข้างเรียบ มะรุม เป็นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศแถบเอเชีย
ข่าข่า มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Languas galanga (L.) stuntz และมีชื่อท้องถิ่น เช่น ข่าตาแดง, ข่าหยวก ลักษณะของข่า เป็นพืชที่มีลำต้นอยู่ใต้ดินเรียกว่า “เหง้า” เหง้าของข่ามีข้อและปล้องชัดเจน เนื้อในสีเหลือง และมีกลิ่นหอมเฉพาะ ลำต้นข่าที่อยู่เหนือดิน สูงได้ถึง 2 เมตร ใบข่าสีเขียว ออกสลับข้างกัน รูปร่างรียาว ปลายแหลม ดอกออกเป็นช่อที่ยอด ดอกย่อยมีขนาดเล็ก สีขาวนวล ด้านในกลีบดอกมีประสีแดงอยู่ด้านหนึ่ง
ขี้เหล็ก Cassia siamea Lamkขี้เหล็ก ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Cassia siamea Lamk ชื่อในท้องถิ่นต่างๆ เช่น ขี้เหล็กบ้าน(ลำปาง), ขี้เหล็กใหญ่(ภาคกลาง), ขี้เหล็กหลวง(ภาคเหนือ), ขี้เหล็กจิหรี่(ภาคใต้), ยะหา(ปัตตานี) ลักษณะของขี้เหล็ก เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ใบเป็นแบบใบรวม มีใบย่อยประมาณ 10 คู่ ใบเรียว ปลายใบมนหยักเว้าหาเส้นใบเล็กน้อย โคนใบกลม สีเขียว ใต้ใบซีดกว่าด้านบน และมีขนเล็กน้อย ดอกขี้เหล็กเป็นช่อสีเหลือง
ต้นไม้กันยุง มอสซี่ บัสเตอร์ (Mozzie Buster)มอสซี่ บัสเตอร์ (Mozzie Buster) ชื่อวิทยาศาสตร์ Pelargonium citrosum เป็นพืชที่ถูกพัฒนาขึ้น ด้วยวิธีการทางพันธุ์วิศวกรรม โดยนักพืชสวน ชาวดัทช์  Dirk van Leenen ใช้พันธุ์ไม้ 2 ตระกูล คือ อาฟริกัน เจอราเนียม (African Geranium) และตะไคร้หอม (Citronella) ลักษณะของ มอสซี่ บัสเตอร์ เป็นไม้พุ่ม ใบแตกออกจากทั้งตายอดและตาข้าง ขอบใบหยัก คล้ายกับต้นเจอราเนียม แต่มีกลิ่นแบบตะไคร้หอม ทำให้มีคุณสมบัติในการไล่ยุง(แบบ repellent)
ฝรั่ง Guavaฝรั่ง ชื่อวิทยาศาสตร์ Psidium guajava Linn. เป็นไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ในวงศ์ Myrtaceae ต้นเกลี้ยงมัน กิ่งอ่อนเป็นสี่เหลี่ยม ยอดอ่อนมีขนสั้นๆ ใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกัน รูปใบรี ปลายใบค่อนข้างมน ดอกเป็นช่อ สีขาว ผลดิบสีเขียว กินได้ มีหลายพันธุ์ เช่น ฝรั่งขี้นก ฝรั่งสาลี่ ฝรั่งเวียดนาม เมื่อสุกเป็นสีเหลือง คำว่าฝรั่งในภาษาอังกฤษคือ Guava ซึ่งมาจากภาษาสเปน คำว่า Guayaba และ ภาษาโปรตุเกส
ย่านาง (Tiliacora triandra Diels.)ย่านาง ชื่อวิทยาศาสตร์ Tiliacora triandra Diels. ชื่อท้องถิ่น เถาวัลย์เขียว,เถาหญ้านาง,หญ้าภคินี(ภาคกลาง) จ้อยนาง,จอยนาง(เชียงใหม่) วันยอ(สุราษฎร์ธานี) ย่านาง มีลักษณะเป็นพืชแบบไม้เลื้อย ใบคล้ายรูปไข่ หรือรูปไข่ขอบขนาน ปลายใบเรียว แหลม โคนมน ดอกเป็นช่อขนาดเล็ก ผลสีเหลืองแดง ปลูกโดยใช้หัวหรือเมล็ด ขึ้นได้ทั่วไป ประโยชน์ของใบย่านาง ใบย่านาง และน้ำคั้นจากใบยังมีสารอาหารอย่างแคลเซียมและวิตามินซีค่อนข้างสูง
ฟ้าทะลายโจรฟ้าทะลายโจร เป็นพืชล้มลุก สูง 1-2 ศอก ลำต้นเหลี่ยม แตกกิ่งเล็กด้านข้างจำนวนมาก ใบสีเขียว ตัวใบรียาว ปลายแหลม ดอกแหลมเล็ก สีขาว มีรอยกระสีม่วงแดง ฝักคล้ายฝักต้อยติ่ง เม็ดในสีน้ำตาลอ่อน ปลูกโดยใช้เมล็ดขึ้นง่าย ฟ้าทะลายโจร มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Andrographis paniculata Wall. ex Nees. ฟ้าทะลายโจร ในชื่อท้องถิ่นอื่นๆ เช่น ฟ้าทลาย น้ำลายพังพอน (กรุงเทพฯ) หญ้ากันงู (สงขลา) ฟ้าสาง (พนัสนิคม)
พักนี้กระแสข้าวกล้องมาแรง โดยเฉพาะน้ำข้าวกล้อง แต่ใครจะรู้บ้าง ว่าความจริงแล้ว ที่เราเรียกกันว่า “ข้าวกล้อง” มันมีมานมนานกาเลแล้ว ตั้งแต่สมัยยุคดึกดึกดำบรรพ์ ที่ยังใช้วิธีตำข้าวกันอยู่ เพราะว่าข้าวกล้อง คือข้าวที่เอาออกไปแต่เปลือกชั้นนอก หรือส่วนที่เราเรียนว่าแกลบ (Husk)  ตัวเมล็ดข้าวจะยังเหลือเยื่อหุ้มสีนวลๆติดอยู่ ซึ่งถ้าเป็นข้าวที่ขัดสี เอาจนเยื่อหุ้ม
กระชาย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Boesenbergia rotunda (L.) Mansf. ชื่อท้องถิ่นอื่นๆ เช่น กระแอน ระแอน (ภาคเหนือ), ขิงทราย (มหาสารคาม), ว่านพระอาทิตย์ (กรุงเทพฯ), จี๊ปู ซีฟู (ฉาน-แม่ฮ่องสอน), เป๊าซอเร้าะ เป๊าะลี (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ลักษณะของกระชาย เป็นไม้ล้มลุก สูงประมาณ 1-2 ศอก มีลำต้นเป็นเหง้าใต้ดิน รูปทรงกระบอก ปลายแหลมจำนวนมาก เนื้อในสีเหลือง มีกลิ่นหอมเฉพาะ กาบใบมีสีแดงเรื่อ ใบใหญ่ยาวรีปลายแหลม
ผมจำความได้ว่า ผมเคยทำข้อสอบ แล้วมีคำถามอยู่ข้อหนึ่งว่า พืชชนิดใดแก้อาการท้องผูก? มันเป็นคำถามแบบ 5 ตัวเลือกนะครับ ผมจำได้ว่า ผมตอบ “ขี้เหล็ก” แต่เมื่อมาเปิดดูในหนังสือ คำตอบมันคือ “ชุมเห็ดเทศ” ครับ ข้อนั้นผมตอบผิด วันนี้เลยมาดูข้อมูลของเจ้าสมุนไพรแก้ท้องผูก ที่ชื่อว่า “ชุมเห็ดเทศ” กันซักหน่อย ชุมเห็ดเทศ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cassia alata Linn ชื่อท้องถิ่น

สูตรบำรุงไก่ชนด้วยนสมุนไพรนานาชนิด

(1)สมุนไพรบำรุงไก่ชน บอระเพ็ด5ชิ้นไพล ตะไคร้ กระชาย อย่างละ3ชิ้น
       (2)กระเทียม3กลีบ หัวหอม1หัว สับรวมกันแช่น้ำผึ้ง ให้ไก่กินวันละ1มื้อ
       

สูตรบำรุงไก่ชนด้วยสมุนไพรนานาชนิด
สมุนไพรไก่ชนมีอยู่แล้วในสมัยโบราณ เพราะบรรพบุรุษไทยเราท่านนำเอาไก่ชนมาตีกันชนกัน เป็นกีฬามาช้านาน ตั้งแต่ยุคสมัยเก่าก่อนยุคสมัยของสุโขทัยเมื่อไก่ชนเกิดอาการเจ็บป่วยขึ้นมาจำเป็นจะต้องเอาสมุนไพรมาใช้รักษาอาการเจ็บป่วยนั้นสมุนไพรไก่ชนน่าสนใจ น่ารู้ และน่ารวบรวมเอามาเพื่อบรรดานักเล่นนักเลี้ยงไก่ชนทั้งหลาย จะได้เข้าใจ และรู้จักมากขึ้น เอาไปใช้ประโยชน์ได้ดี ได้ผลเพื่อเป็นการ ใช้กันอย่างถูกต้อง เหมาะสมตามวิธีการที่สืบทอดต่อเนื่องกัน เช่นกันกับสูตรบำรุงไก่ชนที่จะแนะนำ ซึ่งเป็นสูตรที่ทำให้ไก่ชนมีความแข็งแรงเพราะมีสมุนไพรที่มีประโยชน์นานาชนิดครับ

การปลูกแตงโม



สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการปลูกแตงโม

แตงโมปลูกได้ดี ในดินร่วนปนทราย ทั่วทุกภาคของประเทศ สภาพความเป็นกรด-ด่างของดิน ที่ pH(พีเอช เค้าเขียนตัวพีเล็ก(p) กับตัวเอชใหญ่(H)นะ ตำราหลายเล่มยังเขียนผิดอยู่) ระหว่าง 5.5-6.8 สภาพแปลงควรระบายน้ำได้ดี

พันธุ์ที่ส่งเสริม

พันธุ์เบา คือพันธุ์ ซุการ์เบบี้ ลักษณะผลทรงกลม ผิวสีเขียวเข้ม เนื้อแดง เป็นพันธุ์ที่นิยมกันมานานแล้ว
พันธุ์ลูกผสมต่างๆ ได้แก่ แตงโมเหลือง แตงโมแดง เป็นแตงโมทรงผลกลม รสชาติหวาน สีเนื้อแดง หรือ เหลืองตาม ความต้องการของตลาด

ช่วงเวลาปลูกที่เหมาะสม

แตงโมปลูกได้ ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนมีนาคม

การปลูกแตงโม

ให้แต่ละหลุมในแถวห่างกัน 90 เซนติเมตร ส่วนแถวของแตงให้ห่างจากกัน เท่ากับความยาวของราก ประมาณ 2-3 เมตร แล้วขุดหลุมในดินทรายให้ลึกประมาณ 50 เซนติเมตร ส่วนดินเหนียว ให้ลึกประมาณ 10 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกคลุกเคล้า กับดินบน ใส่รองก้นหลุม 4-5 ลิตร ทิ้งไว้ 1 วัน แล้วจึงปลูก โดยหยอดหลุมละ 5 เมล็ด

การดูแลรักษา

การให้น้ำ ให้น้ำตามร่องประมาณ 7 วัน 1 ครั้ง
การใส่ปุ๋ย ควรใส่ปุ๋ยคอกในพื้นที่ปลูก จริงอัตราไร่ละ 2-4 ต้น โดยคลุกเข้ากับดินก่อนปลูก ควรใส่ปุ๋ยเคมี อัตราส่วน 1:1:2 ซึ่งได้แก่ปุ๋ยสูตร 10-10-20 ปกติจะใช้ประมาณไร่ละ 120-150 กิโลกรัมต่อฤดูปลูก ใส่ในระยะ 15 วัน หลังจากปลูก หลังจากนั้น ทยอยใส่ทุกๆ 15-20 วัน

โรคแมลงศัตรูที่สำคัญและวิธีการป้องกันจำกัด

โรคเถาเหี่ยว ป้องกันกำจัดโดย อย่าปลูกแตงโมซ้ำที่เดิม และใช้ปูนขาว ใส่ดินในอัตราไร่ละ 500 กิโลกรัม หรือใช้สารเคมีไดแทน ความเข้มข้น 1:5 ฉีดที่ต้นพืช
โรคราน้ำค้าง ป้องกันกำจัดโดย ใช้สารเคมีพวกแคปแทนไซแน็บ มาเน็บ ชนิดใดชนิดหนึ่ง อัตราการใช้ตาม คำแนะนำที่ติด มากับภาชนะบรรจุ
เพลี้ยไฟ ป้องกันกำจัดโดย ใช้สารเคมีพวกแลนเนท ไรเนต เมซูโรล อย่างใดอย่างหนึ่ง
เต่าแตง ป้องกันกำจัดโดย ฉีดพ่นด้วยสารเคมี เซฟวิน 80 ในอัตรา 20-30 กรัม ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีด ในระยะทอดยอด
แมลงวันทอง ป้องกันกำจัดโดยใช้พอสต์ หรือ อะโชดริน ฉีดพ่น ตั้งแต่ระยะติดดอก ถึงเก็บเกี่ยว

การเก็บเกี่ยว

คาดคะเนการแก่ของแตงโมด้วยการนับอายุ
พันธุ์เบา ประมาณ 35-42 วัน หลังจากดอกบาน
พันธุ์หนัก ประมาณ 42-45 วัน หลังจากดอกบาน

เรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับ ปลาช่อนอะเมซอน


ปลา อะราไพม่า หรือที่นิยมเรียกกันว่า ปลาช่อนยักษ์อเมซอน ปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Arapaima gigas ในวงศ์ปลาตะพัด (Osteoglossidae) อันดับปลาลิ้นกระดูก (Osteoglossiformes) มีรูปร่างคล้ายปลาช่อน (Channa stiata) มาก เป็นปลาที่มีขนาดใหญ่มาก เกล็ดมีขนาดใหญ่ มีสีดำเงาเป็นมัน ครีบบน ครีบล่าง มีตำแหน่งค่อนไปทางหาง มีแถบสีแดง-ส้ม ตัดกับพื้นสีดำ มีลำตัวค่อนข้างกลมและเรียวยาว ส่วนหัวมีลักษณะแข็งมาก ส่วนลำตัวด้านท้ายมีลักษณะแบนกว้าง ในขณะที่ปลายังเล็กพื้นลำตัวจะมีสีเขียวเข้ม และลำตัวส่วนที่ค่อนไปทางหางจะเป็นสีดำ และรูปร่างจะออกไปทางทรงกระบอก เมื่อโตขึ้นบริเวณลำตัวและส่วนที่ค่อนไปทางหาง ครีบ และหาง จะปรากฏสีชมพูปนแดงหรือสีบานเย็นประแต้มกระจายอยู่ทั่วไป 

ปลาอะราไพ ม่า ไม่มีหนวดซึ่งแตกต่างไปจากปลาชนิดอื่น ๆ ในวงศ์เดียวกัน และเป็นปลาที่มีอัตราการเจริญเติบโตที่ไวมาก ภายในเวลาเพียง 1-2 ปี สามารถมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นถึง 3-5 เท่าได้ ปลาที่โตเต็มที่เท่าที่มีการบันทึกสถิติไว้คือยาว 4.5 เมตร น้ำหนักกว่า 400 กิโลกรัม 

พบในแม่น้ำอเมซอนและลุ่มน้ำสาขาในทวีปอเมริกาใต้ โดยชาวพื้นเมืองจะเรียกว่า พิรารูคู (Pirarucu) ขณะที่ชาวพื้นเมืองที่ประเทศเปรูจะเรียกว่า ไพชี่ (Phiche) โดยปลาชนิดนี้เป็นปลาที่ชาวพื้นเมืองใช้บริโภคกันในท้องถิ่น 

ปลาอะราไพม่ากินอาหาร ได้แก่ ปลาและสัตว์น้ำขนาดเล็กเป็นอาหาร ในบางครั้งสามารถกินสัตว์เลือดอุ่นขนาดเล็กกว่าที่อยู่บนบก เช่น ลิง หรือ สุนัข หรือ นก ด้วยการกระโดดงับได้อีกด้วย 

จากการศึกษาพบว่า ปลาอะราไพม่าจะถึงวัยเจริญพันธุ์ได้เมื่อมีอายุ 4-5 ปีและจะมีอายุยืน มากกว่า 20 ปี ปลาเพศผู้ เพศเมีย สังเกตดูเพศจากภายนอกได้ยาก แต่ในฤดูผสมพันธุ์ในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนพฤษภาคมของทวีปอเมริกาใต้ ปลาเพศเมียจะมีไข่ จะเห็นบริเวณท้องจะขยายใหญ่ขึ้นได้ชัดเจน ส่วนเพศผู้หัวและลำตัวจะสีเข้ม และสีแดงอมส้มแถบโคนหางได้ชัดเจน ในฤดูวางไข่ ปลาวัยเจริญพันธุ์จะตีแอ่งสร้างรังใต้น้ำ ในระดับความลึกประมาณ 40-50 เซนติเมตร ในบริเวณพื้นที่เป็นทราย แล้วนำหญ้า หรือพืชน้ำมาสร้างเป็นรัง พ่อแม่ปลาจะช่วยกันสร้างรัง จากนั้นตัวเมียจะวางไข่ แม่ปลา 1 ตัวสามารถมีไข่ได้เป็นหมื่น ๆ ฟอง และจะฟักเป็นตัวในเวลาประมาณ 3-4 วัน แม่ปลาจะฟักไข่หรือดูแลตัวอ่อนไว้ในปาก ส่วนพ่อปลาจะช่วยป้องกันอันตรายจนกว่าลูกปลาจะแข็งแรง และช่วยตัวเองได้ แม่ปลา 1 ตัว (อายุ 4 - 5 ปี) ที่สมบูรณ์เต็มที่ สามารถวางไข่ได้ถึง 180,000 ฟอง ไข่ของปลาชนิดนี้ มีเส้นผ่าศูนย์กลางราว 1/8 - 1/4 นิ้ว 

ปลา อะราไพม่า เป็นปลาที่ได้รับความนิยมในแง่ของการเป็นปลาสวยงาม ซึ่งมีจุดเด่นคือ ความใหญ่โตในรูปร่าง ซึ่งปลาอะราไพม่าจัดได้ว่าเป็นปลาน้ำจืดที่มีขนาดความยาวที่สุดในโลก (ปลาบึก (Pangasianodon gigas) ที่พบในแม่น้ำโขง มีความยาวสั้นกว่า แต่มีน้ำหนักตัวที่มากกว่า) ในประเทศไทยปลาชนิดนี้ถูกนำเข้ามาครั้งแรกราวปี พ.ศ. 2529 และได้รับความนิยมสูงสุดในปี พ.ศ. 2530 ตราบจนปัจจุบัน ซึ่งปลาอะราไพม่าแม้จะมีพฤติกรรมการกินอาหารที่ดูดุร้ายก็ตาม แต่เมื่อนำมาเลี้ยงในสถานที่เลี้ยงแล้ว แม้ในปลาขนาดใหญ่กลับไม่มีพฤติกรรมก้าวร้าวกับมนุษย์เลย ผู้เลี้ยงสามารถลงไปปล้ำไล่จับปลาเล่นได้ โดยที่ปลาไม่ขัดขืนหรือทำอันตรายใด ๆ 

ปัจจุบัน สามารถเพาะขยายพันธุ์ในบ่อดินขนาดใหญ่ได้แล้ว ในประเทศมาเลเซียและไทย 
เครดิต : http://board.postjung.com/525250.html

วันอาทิตย์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2554

มารู้จัก เรดเทล แคทฟิช....เจ้าปลาดุกยักษ์แห่งลุ่มน้ำอะเมซอน


ชื่อสามัญ: Red tailed catfish, Amazonian redtailed catfish. 
ครอบครัว: Pimelodidae 
แหล่งกำเนิด: บราซิล, เวเนซุเอลา 
ขนาดสูงสุด: 134 ซม. / 52 นิ้ว 
อายุ: ประมาณ 15 ปี 
ตำแหน่งในตู้: อาศัยอยู่ด้านล่างของตู้ 
ขนาดของตู้: ควรจะมีขนาด 120 แกลลอน ขึ้นไป 
อาหาร: เป็นสัตว์กินเนื้อ 
สิ่งแวดล้อม: น้ำจืด 
นิสัย: รักสงบ

 เจ้าตัวนี้ราคาในท้องตลาด ปัจจุบัน ไม่กี่สิบบาท แต่ค่าเลี้ยงดู และค่าอาหารนี่
หนักพอสมควรเลยครับ เพราะกินจุมาก และ ก็ต้องการที่เลี้ยงที่มีพื้นที่กว้างพอประมาณ
เพื่อที่จะรองรับของเสียด้วย ถ้าพี่น้องท่านใดสนใจจะเลี้ยง ก็คงต้องเตรียมพร้อมกันนิดนึง
นะครับ นับได้ว่าเป็นปลาหนังน้ำจืดที่ตัวใหญ่ที่สุดชนิดหนึ่ง ที่นิยมเลี้ยงกันครับ

เครดิต : http://itsallaboutfish.co.uk/red_tailed_catfish.htm 

เรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับปลากระสง


 ปลากระสง เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Channa lucius อยู่ในวงศ์ปลาช่อน (Channidae) มีรูปร่างคล้ายปลาช่อน (Channa striata) แต่มีส่วนหัวที่แบนกว่า จงอยปากงอนขึ้นเล็กน้อย และมีรูปร่างที่ป้อมสั้นกว่า สีสันบริเวณลำตัวเป็นสีเขียวมะกอกมีลวดลายคล้ายลายไม้ ลูกปลาขนาดเล็กมีพฤติกรรมอยู่เป็นฝูง มีลายแถบดำพาดตามแนวนอนตลอดตัว มีสีแดง

มีความยาวเต็มที่ประมาณ 40 เซนติเมตร พบได้ในแหล่งน้ำนิ่งและแหล่งน้ำขนาดใหญ่รวมถึง ในบริเวณพื้นที่ป่าพรุด้วยทั่วประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้าน

ทั่วไปนิยมเอาปลากระสงมาบริโภคสดและตากแห้ง เหมือนปลาในวงศ์ปลาช่อนทั่วไป อีกทั้งสามารถเลี้ยงเป็นปลาสวยงามได้อีกด้วย

นอกจากนี้ปลากระสง ยังมีชื่อเรียกอื่น ๆ อีก เช่น "กระจอน" ในภาษาอีสาน "ช่อนไช" ในภาษาใต้


เครดิต  วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี